Excel: วิธีใช้ฟังก์ชัน if เมื่อเวลาผ่านไป
คุณสามารถใช้สูตรต่อไปนี้เพื่อสร้างฟังก์ชัน IF พร้อมเวลาใน Excel:
วิธีที่ 1: สร้างฟังก์ชัน IF เพื่อเปรียบเทียบเวลาในเซลล์กับเวลาที่ระบุ
=IF( B2 <=TIMEVALUE("9:00"), "Yes", "No")
สูตรนี้จะตรวจสอบว่าเวลาในเซลล์ B2 เท่ากับหรือก่อน 9.00 น. และส่งกลับ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ตามลำดับ
วิธีที่ 2: สร้างฟังก์ชัน IF เพื่อเปรียบเทียบเวลาในสองเซลล์
=IF( A2 <= B2 , "Yes", "No")
สูตรนี้จะตรวจสอบว่าเวลาในเซลล์ B2 เท่ากับหรือมากกว่าเวลาในเซลล์ C2 และส่งกลับ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ตามลำดับ
ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงวิธีใช้แต่ละสูตรในทางปฏิบัติ
ตัวอย่างที่ 1: ฟังก์ชัน IF เพื่อเปรียบเทียบเวลาในเซลล์กับเวลาที่ระบุ
สมมติว่าเรามีรายการเวลาใน Excel ที่ระบุว่างานเสร็จสมบูรณ์เมื่อใด และเราต้องการทราบว่าแต่ละงานเสร็จสิ้นก่อน 9.00 น. หรือไม่:
เราสามารถพิมพ์สูตรต่อไปนี้ในเซลล์ C2 เพื่อส่งกลับ “ใช่” หากงานในเซลล์ B2 เสร็จสิ้นก่อน 9.00 น. หรือส่งกลับ “ไม่ใช่” มิฉะนั้น:
=IF( B2 <=TIMEVALUE("9:00"), "Yes", "No")
จากนั้นเราสามารถลากและเติมสูตรนี้ลงในแต่ละเซลล์ที่เหลือในคอลัมน์ C:
สูตรจะส่งกลับ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ขึ้นอยู่กับว่าเวลาในคอลัมน์ B เป็นก่อนหรือเท่ากับ 9.00 น.
หมายเหตุ : ฟังก์ชัน TIMEVALUE ใน Excel จะแปลงเวลาที่จัดเก็บเป็นค่าข้อความเป็นเวลาที่สูตร Excel รู้จัก
ตัวอย่างที่ 2: ฟังก์ชัน IF เพื่อเปรียบเทียบเวลาในสองเซลล์
สมมติว่าเรามีคอลัมน์เวลาสองคอลัมน์ใน Excel ที่ระบุว่างานเสร็จสมบูรณ์เมื่อใดและวันที่ครบกำหนดของงาน:
เราสามารถพิมพ์สูตรต่อไปนี้ในเซลล์ C2 เพื่อส่งคืน “ใช่” หากงานในเซลล์ A2 เสร็จสมบูรณ์ก่อนหรือ ณ เวลาตัดในเซลล์ B2 หรือส่งคืน “ไม่ใช่” หากไม่เป็นเช่นนั้น:
=IF( A2 <= B2 , "Yes", "No")
จากนั้นเราสามารถลากและเติมสูตรนี้ลงในแต่ละเซลล์ที่เหลือในคอลัมน์ C:
สูตรจะส่งกลับค่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ขึ้นอยู่กับว่างานในแต่ละแถวเสร็จสมบูรณ์ตรงเวลาหรือไม่
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
บทช่วยสอนต่อไปนี้อธิบายวิธีการทำงานทั่วไปอื่นๆ ใน Excel:
วิธีลบนาทีจากเวลาใน Excel
วิธีแยกเวลาจากวันที่และเวลาใน Excel
วิธีลบเวลาจากวันที่ใน Excel